มาถึงเรื่องความคืบหน้าของงานแต่ง ช่างเป็นอะไรที่ต้องทำเยอะแยะมากมายเหลือเกิน สำหรับการจัดงาน หากโลกนี้ไม่มีขนบธรรมเนียม ไม่มีพ่อแม่ เราคงแต่งกันง่ายๆแล้วก็เริ่มต้นชีวิตในวันรุ่งขึ้น แต่การจัดงานแต่งสมัยนี้ เทียบกับสมัยก่อน มันมีวิวัฒนาการล้ำไปมากขึ้น ถ้าสังเกตกันดีดี ความอลัง ขอบเขตก็มากขึ้นเรื่อยๆขอให้มีเงินจัดเห๊อะ ผู้จัดทำได้ทุ้กกกอย่าง แต่สำหรับเรา เอาพอประมาณตามความเหมาะสม ตามฐานะ เนื่องจากเรามิใช่ไฮโซ หรือธุรกิจอิ่มตัวแล้ว ธุรกิจของเรากำลังเริ่มต้น มันไปได้ดีนะแต่ก็เพิ่งขึ้นปีที่ 2 มีการขยายสาขา แต่ก็ยังไม่ stable เราเลยกะว่าจะไม่เอาเงินไปละลายกับงาน จริงอยู่ว่างานมีครั้งเดียวในชีวิต แต่ก็ ... ความหมายและความสำเร็จของชีวิตก็ไม่ได้อยู่ที่วันวันเดียวสักหน่อย เอาเป็นว่าจัดให้สมเกียรติพ่อแม่ ตัวเราและตัวเขาภูมิใจ ย้ำไว้ว่าพอดีกับฐานะดีกว่า ^^
มาถึงเรื่อง "ชุดแต่งงาน" ค่ะ
งานจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมของปีนี้ แต่ว่าเราได้ซื้อชุดแต่งงานละ ตั้งแต่เดือน 7 ว่าไปก็ถือว่าซื้อเร็วมาก เรา เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรเร็วมาก ใช้เวลาลองชุดแค่ 30 นาที และเป็นร้านแรกที่เข้าไปลอง ... จริงๆเราก็มีประสบการณ์ในการลองชุดมาแล้ว หลังจากได้ไปลองชุดแต่งงานกับทาง Coffeoto ที่เป็นถ่ายพรีเวดดิ้งให้เรา และที่นี่จะให้ยืมชุดสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย เราก็เลยไปลองก่อน ทำให้เราได้รู้ว่าทรงของชุดแต่งงานที่เหมาะกับเรานั้นต้องเป็นยังไง ทรงชุดแต่งงานที่มองๆไว้มีหลายแบบ เราได้ลองชุดครบทุกแนว มีทรงดังต่อไปนี้
1. แนวเจ้าหญิงฟูฟ่อง (Princess Style)
credit : Vera Wang 2013 collection
ทรงนี้เป็นทรงชุดที่เราปลื้มมาก เพราะเกิดมาในชีวิตของคนคนนึงก็อยากจะเป็นเจ้าหญิงชิมิ แล้วทรงนี้ก็ดูคุ้มเหลือเกิน ถ่ายรูปมาก็สวยจัง อลังการสุดๆ เอาจริงๆราคาก็ไม่ได้แพงไปกว่าอีกทรง ในกรณีที่ผ้าไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าใช้ผ้าแพงก็ราคาสูงเอาการเพราะผ้าเยอะ ... เราอยากใส่มากเลย แต่ฝันก็สลาย เมื่อลองชุดทรงนี้แล้วพบว่าอืดอย่างแรง
มาวิเคราะห์กัน - เนื่องด้วยเราเป็นคนที่หุ่นด้านบนโครงใหญ่ แต่จะเล็กมากในส่วนของขา ตั้งแต่สะโพกลงมาเล็กหมด ต้นขาก็เล็ก ที่ใหญ่มากในร่างก็คือเอว (ที่ใหญ่ถึง 28-29 นิ้ว) รองลงมาคือหน้าอก ยอมรับว่ามีหน้าอกพอควรเลย ทรงนี้ มันจะเน้นช่วงบน แล้วช่วงล่างก็ปล่อย ดังนั้นเมื่อคนช่วงบนใหญ่อย่างเราใส่ทรงนี้ มันก็กลายเป็นไปเน้นจุดบอด ไปพรางจุดขายซะนี่ เลยตกไป
อดค่ะ
คนที่เหมาะกับทรงนี้ ถ้าเอวเล็ก (ขาใหญ่ไม่เป็นไร) ชนะเลิศศศศ
...
,,,
2. ทรง A แล้วมีหางยาวออกไป
ทรงนี้เป็นทรงที่ Simple แต่เรียบหรูดูดี จะสวยมากเมื่อถ่ายจากด้านหลัง และก็เหมาะกับเราด้วยเพราะเป็นกระโปรงทรงเอตรงยาวลงมา มันช่วยให้เราดูเพรียวมากขึ้น ชุดทรงนี้เป็นทรงที่เราเลือกใช้ในการถ่าย Pre wedding เพราะเราอยากให้ภาพออกมาเราผอมที่ซู้ดดดด แต่ว่าเราไม่ได้เลือกเป็นชุดในงานแต่งงานเพราะว่าดูแล้วถ้าถ่ายครึ่งตัวเวลาอยู่ในงาน (ซึ่งภาพงานเย็นก็จะมีแบบครึ่งตัวเยอะอยู่) จะดูเรียบเกินไป ก็เลยตกไปสำหรับชุดทรงนี้
...
,,,
3. ทรงสอบลงมาแล้วบานตรงปลาย + มีหางด้วย
ทรงนี้ถูกใจอิช้านมาก เนื่องจากเป็นอีกทรงที่เคยเห็นไอโซคนนึงใส่ชุดทรงนี้ในสีแดงเพลิงในงานแต่งงานของเพื่อน ดูดีจริงๆ ดูหรูหราอย่างมีรสนิยม แล้วเราก็คลั่งไคล้หางเมอร์เมดด้วย คือรู้สึกว่าอะไรที่ยาวลากพื้น ดูดีจังนะ ป๊อกก็บอกว่าชุดที่หางยาวจะต้องใช้ผ้าเยอะ แม้จะไม่ฟูฟ่องก็ตาม แต่การตัดผ้าจะต้องเสียผ้าเยอะมาก ในที่สุดเราก็ตัดสินใจว่า เราจะซื้อชุดแต่งงานทรงนี้แหละ
" My Wedding Dress "
หลังจากลองมาได้สามสี่ชุด จนเกือบจะตัดสินใจละ ป๊อกก็เหลือบไปเห็นชุดนี้ แล้วก็บอกว่าลูกไม้สวยมากเลยตัวนี้ เราเองไม่ได้มองเลย แต่พอพนักงานหยิบให้ดูก็รู้สึกว่าสวยดีจริง ที่เด่นคือลูกไม้ที่นูนสวย ถ่ายรูปยังไงก็เห็น แล้วก็มีปักเลื่อมด้วย หวังว่าเลื่อมจะเล่นไฟบ้างเวลาที่อยู่ในงานนะ
บางชุดลูกไม้ทั้งตัวก็จริงแต่ไม่เด่นชัด ถ่ายมาไม่เห็น แต่ตัวนี้มันนูนได้ใจจริง แล้วก็ทรงด้วย พอใส่แล้วมันเป็นทรงที่เราชอบ คือสอบลงมาถึงประมาณเข่า จากนั้นก็บานตรงปลาย ด้านล่างข้างในมีสุ่มเล็กน้อย ส่วนด้านหลังหางเมอร์เมดค่อนข้างยาวเลยทีเดียว สมใจล้ะ
--- ที่ตรงนี้เคยแปะรูปไว้ แต่ remove ออกไปล้ะ เพราะว่ากลัวไม่เซอไพรส์วันจริง----
No comments:
Post a Comment