Sunday 1 September 2013

Yubari Melon





ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องเมล่อนมานานแล้ว เพราะทุกครั้งที่อัพรูปลงใน FB มักจะมีหลายๆคนถามมาอยู่เสมอเกี่ยวกับเรื่องเมล่อนที่แม่ปลูก แม่เองก็อัพรูปและการปลูกเมล่อนลงใน FB ของแม่บ่อยแต่ยังไม่ได้รวบรวมเป็นก้อนเดียวกัน เข้าไปดูแล้วกระจัดกระจาย วันนี้กลับมาบ้านไม่ได้ทำไรก็เลยมาเขียน Blog ซะหน่อยเกี่ยวกับ Melon ญี่ปุ่นของแม่



จุดเริ่มต้นก็คือว่า คุณอาทั้งสองคนคือ คุณอาสาว และคุณอาจั่น ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อทั้ง 2 คน มักจะไปญี่ปุ่นกันบ่อยมาก โดยเฉพาะคุณอาจั่น จะไปถี่เกือบทุกเดือนเลย คุณอาสาวก็ไปมาน่าจะ 30 ครั้งได้ คือไปแบบไม่ต้องง้อทัวร์ มีครั้งนึงคุณอาๆก็ซื้อเมล่อนกลับมาจากญี่ปุ่นและคุณอาสาวก็เริ่มทำการปลูกเมล่อนที่บ้าน ซึ่งบ้านคุณอารั้วติดกับบ้านเราและมีประตูเชื่อมถึงกัน ส่วนคุณอาจั่นอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็จะเดินมาดูความคืบหน้าเป็นระยะระยะ จนกระทั่งได้ลูกออกมาล็อตแรก คุณอาก็แจกจ่ายให้กับบ้านเราด้วย ก็ได้ชิมความอร่อยกันไป เรียกได้ว่าหวานฉ่ำเหมือนอย่าง Original เลย

เมล่อนที่ปลูกมี 2 พันธุ์ คือสีส้มกับสีเขียว เราได้ชิมทั้ง 2 สี แม่ชอบสีเขียว
ส่วนอันล่าสุดคือ ที่เอามาจากฮอกไกโดเป็นสีส้ม


จากนั้นแม่เราก็เก็บเม็ดมาลองเพาะดูตามคำแนะนำของคุณอา ก็ทำเรื่อยมา ได้ผลมาหลายรุ่น รู้สึกว่ารุ่นหลังๆจะเริ่มไม่หวาน แต่รุ่นแรกๆจะอร่อยาก พอใครไปญี่ปุ่นอีกก็จะหิ้วมาลูกนึงก็ได้เมล็ดเมล่อนหลายเม็ดไว้เก็บปลูกกินไปอีกสักพักใหญ่ เลยไม่ขัดสนเมล่อนเพราะว่ามีคนไปบ่อย




ล่าสุด เดือนที่ผ่านมาแม่ก็มีโอกาสได้ไปฮอกไกโดกับสองอา ก็เลยหิ้วเมล่อนกลับมา 2 ลูก แบ่งให้แม่ป๊อกลูกนึง อีกลูกผ่าแบ่งกันกินแล้วก็เก็บเมล็ดมาปลูกเหมือนเคย เราก็ได้กินไปหลายชิ้นเลย แฮ่ๆ ทีนี้ก็มาดูการปลูกคร่าวๆของแม่ รายละเอียดน้อยเพราะเราไม่ได้ปลูกเอง ต้องถามแม่เอาค่ะ




 
 
 
 
 
    ไปเที่ยวที่ฟาร์มเมล่อน
 
 
 
 
 อันนี้คือ Original ที่แม่ไปกิน  ชิ้นละ 250 เยน
แม่ซื้อมาสองลูก ลูกละ 2000 เยน
 
 
 
   ใส่ตู้แช่ไว้น่ากินจัง
 
 
 
 
    หิ้วกลับมาบ้านแม่คงจะหนักนะเนี่ย
 
 
 
...
,,,
 
 
 
 
 
 
     ทีนี้มาดูการปลูกของแม่กัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
         นี่คือเมล็ดจากครึ่งลูก จะได้ประมาณนี้ นำมาล้างแล้วผึ่งแห้งไว้
 
 
 
 
เวลาที่แม่เค้าจะปลูกเค้าก็จะเอาเมล็ดออกมาทำให้ชื้นแบบนี้
 
 
   
 
 
รอรากงอก


 
 
 
 
เตรียมดินเพื่อนำเมล็ดมาเพาะ ใส่ในกระถางย่อยแบบนี้
 
 
 
 
 
 
 
เมล็ดก็จะเริ่มเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นหน่อ
 
 
 
 
 
จนโตขึ้นมาเรื่อยๆขนาดนี้
 
 
 
พอต้นเริ่มโต แม่เค้าก็จะไปทำแปลงรั้วให้ต้นเมล่อน
โดยที่แต่ละต้นแม่จะขึงเชือกฟางเป็นแนวให้ต้นเมล่อน
บางต้นก็เห็นแม่ใช้ไม้ไผ่เป็นท่อนๆให้ต้นมันเกาะขึ้นมา
 
 
 
 
 
 
 
ในรูปที่มีดอกเหลืองๆคือต้นเมล่อนที่มันโตขึ้นมาแล้ว
 
 
 
 
 
ระหว่างนี้จะอาศัยแมลงเป็นตัวช่วยผสมเกสร ถ้าไม่มีตัวนี้ก็ไม่สำเร็จ
บางทีไม่มีแมลงก็เห็นคุณอาบอกแม่ว่าผสมเกสรเอง เอาไม้แตะๆ
 
 
 


 
 
 
 
ข้อสำคัญของการปลูกคือ 1 ต้น มีผลได้คราวละ  1 ลูกเท่านั้น
เวลาที่ต้นนึงออกเกิน 1 ลูกก็ต้องตัดใจ ตัดทิ้งออกไปเหลือ 1
 
 
 
 
 
จะเห็นว่าแม่เราจะห่อลูกเมล่อนด้วยกระดาษด้วยเพื่อกันกระรอก
 
 



 
 
 
 
บางลูกนึกว่ารอดแล้ว แต่ปรากฏว่าโดนกระรอกเจาะกินอร่อยไปเลย
 
 
 
 
 
 
 
พัฒนาการของลูกเมล่อน ตอนแรกยังไม่แตกลายสวย
เป็นแตงเรียบๆก่อน พอไปสักพักจะใหญ่ขึ้นและแตกลาย
พอลูกใหญ่มากบางลูกก็ต้องทำเชือกฟางคล้องรับน้ำหนัก
 
 
 
 
 
 
 

 
 ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่ก็ได้ต้นละ  1 ลูก
แล้วก็ต้องใช้เวลาดูแลมันอย่างดีพอสมควรเพราะโดนเจาะง่ายมาก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ได้ออกมาทั้งเล็กและใหญ่ปนๆกันไป
 
ที่เคยผ่าเมล่อนลูกเองออกมามี 2 สีค่ะ ส้มกับเขียว
ได้เนื้อออกมาหวานฉ่ำ แต่อาจจะแพ้ลูกที่หิ้วมาจากญี่ปุ่นนิดนึง
อยากรู้จังว่าทำยังไงจะไม่ให้เม็ดจากรุ่นหลานกลายพันธุ์
 
เพราะปลูกไปเรื่อยๆความหวานจะน้อยลง ลูกเล็กลง
 
 
ให้แม่ศึกษาต่อไปละกัน อิอิ
 
 

 

 
ลูกที่คุณอาปลูกรุ่นแรก พันธุ์สีส้ม

 



 
 
อันนี้ลูกที่แม่ปลูกได้รุ่นแรก หวานอร่อยดี สีเขียว
 
 
 
 
...
,,,,
 
 
 
ตอนนี้กำลังนำเม็ดจากลูกล่าสุดไปปลูก
เราได้แต่รอกินเท่านั้นนนนนนนน
 
 
 
จบ.
 
 
 
 
ps. ศุกร์นี้นัดรวมพลกับสาวๆ QR มาศ+เหมียว
พอดีพี่จิวคุณสามีของเหมียวหุ้นเปิดร้านนั่งดื่มแห่งนึง
อยู่เอกมัย22 ชื่อร้านมือที่3 ลองแวะไปได้นะก้ะ
 
 
 
 
 
 
 
 

 



 

 

 

 

 

 

 

 


Tuesday 27 August 2013

คอนโด : wallpaper + ม่าน





วันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่ม update เกี่ยวกับคอนโด เราซื้อที่นี่กับป๊อกไว้สักพักแต่ว่าเป็นห้องที่ไม่ได้เป็น fully furnished แต่มีแอร์ให้ 2 ตัว มีครัวให้ครบ นอกนั้นต้องตกแต่งเอง จะซื้อแบบตกแต่งครบก็ได้แต่ว่าคำนวณดูแล้วแพงกว่ากัน 4-5 แสนเลยคิดว่าตกแต่งเองดีกว่าประหยัดกว่า  ... คอนโดแห่งนี้ก็คือน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของพวกเรา ก็รู้สึกภูมิใจเหมือนกันกับที่อยู่อาศัยแห่งแรกที่ซื้อกันเอง มันอาจจะไม่ใหญ่โตนักแต่ว่าก็ใกล้ร้าน แล้วก็สะดวกในการเดินทาง อยู่ติด MRT



 ตอนแรกอยู่สองสามที่แต่พอมาดูที่นี่ก็ชอบแล้วก็ให้ป๊อกศึกษาดู จนตัดสินใจซื้อที่นี่ ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่อย่างก็เข้าอยู่ได้แล้ว แต่เราตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายเข้ามาอยู่ทีนี่ในเดือนธันวาคม ยังไม่อยากรีบย้ายเข้า คิดถึงที่บ้าน หลายๆเหตุผลจริงๆ  ... ส่วนป๊อก ห้องตกแต่งเสร็จมะไรก็คงย้ายเลย  อยู่ที่นี่สำหรับเราก็จะสะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น ประหยัดค่าเดินทางและเวลา แต่ยังไงก็จะต้องจัดสรรเวลาให้ได้เจอหน้าพ่อแม่น้องให้ได้ทุกอาทิตย์







 
 
 
 
นัดกับช่างไว้ตอนบ่าย 2 ที่ lobby ช่างเอาลายวอลเปเปอร์มาให้เลือก
ไม่เยอะเท่ากับเวลาไปเลือกที่ร้านแต่ก็เยอะพอสมควร เราเลือกง่าย
 
สรุปในห้องนอนตรงหัวเตียงใช้สีดำลายๆ (โหดไปมั้ย??)
ส่วน 3 ด้านที่เหลือใช้สีออกขาวอมเทาๆเงินๆสว่างๆ
 
ส่วนห้องรับแขก ฝั่งทีวีเลือกใช้ลายทา texture มีมิติฟูๆ
ส่วนด้านอื่นๆก็ใช้สีขาวออกครีมเรียบๆธรรมดาสว่างๆค่ะ
 
เลือกแบบไม่มีหลักการใดๆทั้งนั้นเอาตามความชอบกะๆเอา
 
 
จะออกมาเป็นไงนะ -_-''
 
 
 
 
 
 
 

 

ช่างถมเริ่มวัดพื้นที่หลังจากเลือกลายเสร็จแล้ว
เราติดวอลเปเปอร์หลังจากที่ลง built in เรียบร้อย
ส่วนที่อยู่หลังเฟอร์นิเจอร์ที่บิวท์เราก็ไม่ต้องติด
 
 
ตอนเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็ง่ายๆเพราะเราไม่มีเวลา
ก็เลยใช้ของ SB design Square ที่เซนทรัลเวิล์ด
ก็แก้ๆแบบอยู่สักทีสองทีได้จากนั้นก็ให้เค้ามาติด
เลือกสีขาวๆพื้นๆไว้ก่อนเพราะเผื่อวันนึงปล่อยเช่า
ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เฟอร์นิเจอร์เรียบๆจะได้ง่ายหน่อย


บริเวณที่ช่างยืนอยู่ ยังขาดโซฟา 1 ตัว
ป๊อกบอกรอบริจาคจากโรงงานญาติ :p
 
อยากได้โซฟาหนังนะแต่รอรวยกว่านี้ก่อนนะ
 



 
 
 

 
 
 
เข้าห้องมาจะเจอกับตู้นี้ ทำพื้นที่เผื่อให้เอาโต๊ะกินข้าวสอดเข้าไปพอดี
เดี๋ยวพอเอาโต๊ะมาตั้งก็จะนึกออกว่า ทำไมตู้ทำออกมาเป็นแบบนี้
 
(ตอนนี้ขาดโต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้แล้วก็โคมไฟเพดาน)

 
 
 
 


 
 
ที่ติดกับส่วนตู้ติดผนังตัวนี้ก็เป็นโต๊ะไว้ทำงานวางคอม แบบนี้ไม่เกะกะดี
ขนาดของมันสามารถนั่งเล่นคอมได้พร้อมกัน 2 คนอิอิ ไม่แย่งกันเล่น
 
(ยังขาดเก้าอี้ทำงาน 1-2 ตัวส่วนนี้)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ส่วนของครัวมีครบแล้ว อาจติดกระเบื้องสวยๆ
ส่วนอีกด้านติด wallpaper ลามมาจากห้องนั่งเล่น
 
ด้านในครัวเข้าไปเป็นซักล้าง ไว้วางเครื่องซ้กผ้า
ส่วนนี้ยังขาดตู้เย็น กับเครื่องซักผ้า รอรับบริจาค
 
 
 

 
 
 
 
 
 
ห้องน้ำไม่ค่อยชอบเท่าไร อยากเปลี่ยนพวกสายชำระกับฝักบัว
นอกนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอะไรบ้างนอกจากติดเครื่องทำน้ำอุ่น
 
 
 
 
 
 
ห้องยังโล่งมาก ยังรอพร๊อพอีกเยอะมากๆ
 
 
 
 
 
 
 
วิวจากหน้าต่าง ห้องเราไม่ได้อยู่สูงมากเท่าไร แต่ก็ไม่เตี้ยมากจนเสียงดัง
 
...
,,,
 
 
พอทำไรเสร็จก็ไปทดสอบนั่งเล่นชั้น6 พบว่าเป็นชั้นดูดวิญญาณ
มันสบายดี ถ้าตอนแดดไม่ร้อนมาก นั่งเล่นได้เรื่อยๆหาไรมากิน
 
 
 
 


 
 
 
ชิลๆแต่นั่งไปนานๆรู้สึกว่าดำขึ้นเยอะเหมือนกันขนาดมีร่มแล้ว
 
 
 
 




 
โต๊ะนี้ก็เหมาะกับเอาของมานั่งกินเล่น คุยเล่นนู่นนี่
 
 

 
 
 
ใครอยู่ชั้นนี้ก็ดีตรงออกมาเล่นได้ง่ายมากมีประตูเดินออกมาหลังบ้าน
แต่ซวยตรงที่เวลาคนมาใช้บริการสระว่ายน้ำแล้วมันจะไม่ส่วนตัวอ่ะจิ
 
 



 
 
 
อันนี้คือส่วนของยิม มีคนมาเริ่มใช้บริการและ เดี๋ยวจะลองมาเล่นด้วย
ด้านหน้าเป็นเครื่องเล่น ด้านหลังเป็นห้องเล่นพวก Fit ball ซ้าวหน้าลงบันไดไป
 
 
 






 

 

 
 
 
...
,,,,
 
 
 
ที่เหลือตอนนี้ก็เหลือรอช่างติด wallpaper + ม่านในวันจันทร์
เหลือซื้อของต่อไปนี้ได้แก่
 
- ฟูกที่นอน
- โทรทัศน์
- ตู้เย็น
- เครื่องซักผ้า
- โซฟา
- โต๊ะกินข้าว
- เก้าอี้ 4 ตัว
- โคมไฟเพดาน
- โคมไฟตั้งพื้น
- พรมห้องนั่งเล่น
- พวกกรอบรูป
- ภาพติดหัวเตียง
 
หมดละ ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ
 
 
 
ZZZZZZZZZZzzz....
 
 
 
 
 
 
-

Monday 26 August 2013

Hair extension

 
 
 
วันนี้ได้ของเล่นชิ้นใหม่ ซื้อจากร้านข้างๆร้าน Sugar Bird 1 ที่บ้านเรามีวิกอยู่ประมาณ 4 อัน เป็นผมสั้น 3 อัน อันแรกเป็นบ๊อบเท สั้นๆ อีกอันบ๊อบเทยาวหน่อย ส่วนอีกอันเป็นบ๊อบเทสีชมพูใส่แล้วน่าเกลียดมาก  แล้วก็มีแบบผมยาวอีกอัน แต่ใส่แล้วตลกมากเลย
 
 
 
วันนี้ไม่ได้ตั้งใจพอดีเจ๊ร้านกระเป๋าไปนั่งลองติดดู  เค้าก็จับเราไปนั่งลองบ้าง ดูมันง่ายดีเค้าลดให้เลยซื้อ ได้มาอันนึง ยังติดไม่ค่อยเก่งแต่กะว่าต่อไปนี้เวลาไปงาน เราก็จะติดไอ้นี่แหละประหยัดดี อิอิ ... มันประหยัดเวลาดี แต่อาจจะไม่สวยเริ่ดเท่ากับไปเกล้าผมไปงาน ... แล้วก็เสี่ยงมากเกิดมันหลุดหรือว่ามันแพลมออกมา จะตลกมาก ...
 
 
เราเป็นคนผมน้อยมากจริงๆเวลาช่างแต่งหน้าชอบว่าเราผมน้อย เวลาไปร้านทำผมก็มักจะโดนช่างผมบ่นว่าสภาพเน่ามาก เกินเยียวยา ทั้งน้อยและบาง แถมผมแตกปลาย และมักจะเสียเงินทำบำรุงเพิ่มโน่นนี่ แต่ไม่ว่าจะบำรุงยังไง ผมเราก็มิเคยดีขึ้นเลย สุดท้ายต้องหาตัวช่วยแบบนี้แล ...
 
 
 
 
 
 

 
 
ตอนแรกก็แบ่งผมแล้วก็หนีบไว้
จากนั้นก็เอาเจ้านี่ไปคลิปไว้กับแนบผม
แล้วก็ปล่อยที่เราหนีบผมจริงไว้มาปิดๆ
ทำให้เนียนๆ ที่ร้านทำให้สวยมากเลย
 
แต่ทำม้ายยยเราทำเองมันดูรกๆแบบนี้??
 
 
 
 

 
 
ผมเปรียบเทียบ B4 กับ After จากฟีบเป็นฟูจนรกเลย
 
 
 
 




จบ.
 
 
 
 
 
ps. พรุ่งนี้ติด wallpaper คอนโด นัดช่างแล้ว
 
 
 
 
 
 


 

Thursday 22 August 2013

ไปบรรยายมาแล้ว

 
 
 
เมื่อคืนกลับถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่ม ก็ตรงเข้ามาเปิดคอมเลยค่ะ เพื่อเตรียมไปบรรยาย ปีนึงเราจะไปบรรยายที่นี่แค่ 1 หนเอง เป็นวิทยากรพิเศษ จากที่เคยเล่าไปแล้ว ในวิชา HR สำหรับน้องๆนักศึกษาที่สนใจฟังประสบการณ์และขั้นตอนการเตรียมตัวสมัครแอร์และสถานการณ์ในวันสมัครและอื่นๆ ระยะเวลาในการบรรยายคือ 3 ชั่วโมง (นานแฮะ) เราก็ใช้ Power Point เดิมเป็นหลักในการปรับแก้ให้ดีขึ้นกว่าครั้งก่อน คราวก่อน 60สไลด์ คราว แล้วก็เอาความผิดพลาดที่มันเกิดจากคราวก่อน + จากถามคนรอบตัว+ คำแนะนำจากหลายๆคนทั้งเพื่อนและชาวได มาใช้กับการบรรยายครั้งนี้ 
 
 
 
เราเปิดทีวีไปด้วย เพื่อรอดูรายการ 3 แซ่บ ... เพราะเราดูตัวอย่างรายการนี้ เห็นน้องเพลงมาออกกับคุณตู่นันทิดา มีตัวอย่างว่าน้องเพลงร้องไห้ แล้วก็คุณตู่มีน้ำตาคลอด มีคีย์เวิร์ดว่า
 
" แม่พอเหอะ"
" เราต้องอยู่ให้ได้"
" เราจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นอีกแล้ว"
 
เราก็มโนไปไกล ...
 
แค่ 3 ประโยคนี้ก็ทำให้เรารอค้อยรอคอยในการดู แม้ว่าจะทำงานไปด้วยแต่หูก็เงี่ยฟังตลอดว่ามะไรข่าวจะจบนะ ก็รอดูไปจนเวลาล่วงเลยไปมาก จะเที่ยงคืน และสุดท้ายก็พบว่าเรื่องของเรื่องคือไม่เกี่ยวกับเรื่องประเด็น hot แต่อย่างไร (มารู้ตอนหลังว่าเทปนี้เค้าอัดไว้นานแล้ว ฮ่วย)
 
 
พอ 3 แซ่บจบ เลยเรียกสติคืนมาแล้วนั่งทบทวน กับวางแผนการบรรยายต่อ ... เราจริงจังกับมันมาก แม้เราจะไม่ได้สอนเป็นอาชีพแล้วก็สิ่งที่สอน เนื้อหาไม่เป็นเชิงวิชาการเลย แต่เราฝังใจจากการบรรยายคราวก่อนซึ่งมันไม่ดี ถ้าวันนี้เราทำได้ไม่ดีอีกเราคงจะหมดความมั่่นใจในการบรรยายไปเลย ก็เลยตื่นเต้นมากกกกกกกก แล้วก็กลัวว่ากิจกรรมที่เตรียมไปจะแป๊กด้วย
 
 
 
...
,,,
 
 
5 am. พ่อเคาะประตูห้อง ปังๆๆ    ( me, ตื่นเช้าที่สุดในรอบปีนี้)
6 am. ออกจากบ้าน  (บางวัน เวลานี้เพิ่งจะนอน)
7:15 am.  ถึงหน้า ม.ราชภัฏสวนสุนันทา
 
"เวลาบรรยาย 9 โมงเช้า"
 
7:30 am. แมคโดนัล สาขาเซนคาเบรียล
นั่งกินอาหารเช้าแมค ดื่มกาแฟทำใจ แล้วก็ปวดห้องน้ำ T_T
 
8 am. เดินหาห้องน้ำในมหาลัยอย่างกระสับกระส่าย
8:10 am. โทรหาอาจารย์ ว่าถึงแล้วค่ะ
 
9 am. ขึ้นไปที่ห้องเรียน เริ่มสอน
 
 
...
,,,
 
 
น้องๆที่เรียน เรียนเกี่ยวกับด้านบริการแต่วิชาเลือกธุรกิจการบิน
 
 
คลาสนี้สอนสนุกกว่าปีก่อนเพราะในห้องมีแค่ 26 คน เราชอบมาก ปีก่อนในห้องเป็น 100 คนมันเข้าถึงน้องๆยากกว่า ควบคุมยาก แต่อันนี้ ใกล้ชิด เราเดินขึ้นบันได 4 ชั้นหอบแฮ่กๆ ขอน้องๆพักเหนื่อย 1 นาทีก่อนจะแนะนำตัวและเริ่มให้ทุกคนแนะนำตัวและบอกเหตุผลที่อยากเป็นแอร์ เพื่อให้ทุกคนได้พูดและมีส่วนร่วม 
 
 
จากนั้นก็เริ่มการบรรยาย แต่คราวนี้ต่างจากคราวก่อนที่พูดตามเนื้อหา แต่คราวนี้ เอาประสบการณ์ ระบบความคิด เหมือนเล่าเรื่องตัวเรา แล้วแทรกเนื้อหาแทน ทุกอย่างนี้ทำตามคำแนะนำที่พี่ๆเพื่อนๆเม้นไว้ มีประโยชน์มากกก ... จากนั้นพอเริ่มพูดเยอะแล้ว เราพักเบรค
 
ระหว่างพักเบรค 10 นาที น้องในห้องหลายคนที่ไม่ออกไปพักแล้วนั่งรอในห้อง พูดคุยระหว่างพัก ทำให้เราหายความประหม่า และคุ้นเคยกับหลายๆคนมากขึ้น ได้เห็นทัศนคติของหลายๆคน เด็กๆวัยใสน่ารักดี นึกถึงสมัยเรายังเป็นเด็ก บางครั้งยิงคำถามซื่อๆแต่น่าเอ็นดู
 
 
พอเริ่มสอนหลังเบรค ก็บรรยายต่อจนกระทั่งมีให้ทำกิจกรรมเวิร์คชอป คือเราเตรียมของรางวัลมาจากบ้านด้วย ซื้อมา 6 ชิ้น ให้นักศึกษาจับกลุ่ม กันเพื่อทำจำลองการทำ Group Discussion เหมือนตอนสมัครแอร์ แล้วก็ให้มีคนเป็นกรรมการ ตอนทำกิจกรรมกลุ่ม ดีใจมากเลย นักศึกษาตั้งใจทำเสมือนจริง ไม่ทำเล่นๆ มีขำบ้างอะไรบ้างแต่ก็ใช้ได้เลย ทุกคนใส่ใจดี พอแจกรางวัล ก็ดีใจมาก สำหรับคนที่ได้ แม้จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ ...
 
 
กิจกรรมผ่านไปได้ด้วยดีทั้ง 2 กลุ่ม สีหน้าเราเรียบเฉย (ในใจกรี๊ด)
 
และแล้ว เวลาบนหน้าปัดก็ใกล้เที่ยงอย่างไม่น่าเชื่อ 3 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เรารู้สึกเจ็บคอ และเพลีย หลังจากสอนจบและรู้สึกว่า
 
อาชีพที่ต้องสอนนักเรียนหรือนักศึกษา คนที่เป็นอาจารย์ เป็นอาชีพที่เหนื่อยมาก ตอนเรานั่งฟังเรายัง ง่วง หิว เบื่อ หาว แต่คนที่ยืนหน้าชั้น ต้องใช้พลังงานมากจริงๆ ทั้งกายใจ ไหนจะเตรียมการสอน เรารู้สึกรักครูเรามากขึ้นจังหลังจากวันนี้
 
 
...
,,,
 
 
หลังจากสอนเสร็จ อาจารย์ก็พาเราไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารหน้ามหาลัย อร่อยมากเลย เป็นร้านอาหารไทยไม่ใหญ่โตอะไรแต่ได้รางวัลเยอะจัง เราก็ไม่เคยทาน ไปกับ 3 คน กับ พี่อุ้มแล้วก็ อ.นุก วิทยากรอีกท่าน 3 คน กับข้าว 4 อย่าง
 
มีไข่เจียวฟูปู - รูปร่างน่ารักดีเหมือนลูกบอลข้างในมีเนื้อปู
ผัดดอกขจรน้ำมันหอย - รสชาติดีไม่เหม็นเขียว
แกงส้มใส่สายบัวกับกุ้ม - รสเข้มข้นดี
แล้วก็ปีกไก่ทอด  - ก็อร่อยดี
ของหวาน ไอศครีมมะพร้าวอ่อน - เบาๆละลายในปาก
 
ไทยๆมาก กินเข้าไป เอ้ยยยยยยยย อร่อยยยยยยยย
แค่นี้ล่ะค่ะ อิอิ บันทึกไว้กันลืมเผื่อแอบแวะไปกินอีก
 
 
 
 
 
 

 credit : รูปจากเวบของร้านครัวอัปษร
 


จานนี้ชอบสุด

 
จานนี้คนสั่งทุกโต๊ะ
 
 
...
,,,
 
 
 
พอเสร็จเราก็ไปร้านต่อเลย
ลูกน้องบอกว่าทำไมวันนี้พี่นุ่นแต่งตัวเรียบร้อยจัง
 
555