Tuesday 27 August 2013

คอนโด : wallpaper + ม่าน





วันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่ม update เกี่ยวกับคอนโด เราซื้อที่นี่กับป๊อกไว้สักพักแต่ว่าเป็นห้องที่ไม่ได้เป็น fully furnished แต่มีแอร์ให้ 2 ตัว มีครัวให้ครบ นอกนั้นต้องตกแต่งเอง จะซื้อแบบตกแต่งครบก็ได้แต่ว่าคำนวณดูแล้วแพงกว่ากัน 4-5 แสนเลยคิดว่าตกแต่งเองดีกว่าประหยัดกว่า  ... คอนโดแห่งนี้ก็คือน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของพวกเรา ก็รู้สึกภูมิใจเหมือนกันกับที่อยู่อาศัยแห่งแรกที่ซื้อกันเอง มันอาจจะไม่ใหญ่โตนักแต่ว่าก็ใกล้ร้าน แล้วก็สะดวกในการเดินทาง อยู่ติด MRT



 ตอนแรกอยู่สองสามที่แต่พอมาดูที่นี่ก็ชอบแล้วก็ให้ป๊อกศึกษาดู จนตัดสินใจซื้อที่นี่ ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่อย่างก็เข้าอยู่ได้แล้ว แต่เราตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายเข้ามาอยู่ทีนี่ในเดือนธันวาคม ยังไม่อยากรีบย้ายเข้า คิดถึงที่บ้าน หลายๆเหตุผลจริงๆ  ... ส่วนป๊อก ห้องตกแต่งเสร็จมะไรก็คงย้ายเลย  อยู่ที่นี่สำหรับเราก็จะสะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น ประหยัดค่าเดินทางและเวลา แต่ยังไงก็จะต้องจัดสรรเวลาให้ได้เจอหน้าพ่อแม่น้องให้ได้ทุกอาทิตย์







 
 
 
 
นัดกับช่างไว้ตอนบ่าย 2 ที่ lobby ช่างเอาลายวอลเปเปอร์มาให้เลือก
ไม่เยอะเท่ากับเวลาไปเลือกที่ร้านแต่ก็เยอะพอสมควร เราเลือกง่าย
 
สรุปในห้องนอนตรงหัวเตียงใช้สีดำลายๆ (โหดไปมั้ย??)
ส่วน 3 ด้านที่เหลือใช้สีออกขาวอมเทาๆเงินๆสว่างๆ
 
ส่วนห้องรับแขก ฝั่งทีวีเลือกใช้ลายทา texture มีมิติฟูๆ
ส่วนด้านอื่นๆก็ใช้สีขาวออกครีมเรียบๆธรรมดาสว่างๆค่ะ
 
เลือกแบบไม่มีหลักการใดๆทั้งนั้นเอาตามความชอบกะๆเอา
 
 
จะออกมาเป็นไงนะ -_-''
 
 
 
 
 
 
 

 

ช่างถมเริ่มวัดพื้นที่หลังจากเลือกลายเสร็จแล้ว
เราติดวอลเปเปอร์หลังจากที่ลง built in เรียบร้อย
ส่วนที่อยู่หลังเฟอร์นิเจอร์ที่บิวท์เราก็ไม่ต้องติด
 
 
ตอนเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็ง่ายๆเพราะเราไม่มีเวลา
ก็เลยใช้ของ SB design Square ที่เซนทรัลเวิล์ด
ก็แก้ๆแบบอยู่สักทีสองทีได้จากนั้นก็ให้เค้ามาติด
เลือกสีขาวๆพื้นๆไว้ก่อนเพราะเผื่อวันนึงปล่อยเช่า
ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เฟอร์นิเจอร์เรียบๆจะได้ง่ายหน่อย


บริเวณที่ช่างยืนอยู่ ยังขาดโซฟา 1 ตัว
ป๊อกบอกรอบริจาคจากโรงงานญาติ :p
 
อยากได้โซฟาหนังนะแต่รอรวยกว่านี้ก่อนนะ
 



 
 
 

 
 
 
เข้าห้องมาจะเจอกับตู้นี้ ทำพื้นที่เผื่อให้เอาโต๊ะกินข้าวสอดเข้าไปพอดี
เดี๋ยวพอเอาโต๊ะมาตั้งก็จะนึกออกว่า ทำไมตู้ทำออกมาเป็นแบบนี้
 
(ตอนนี้ขาดโต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้แล้วก็โคมไฟเพดาน)

 
 
 
 


 
 
ที่ติดกับส่วนตู้ติดผนังตัวนี้ก็เป็นโต๊ะไว้ทำงานวางคอม แบบนี้ไม่เกะกะดี
ขนาดของมันสามารถนั่งเล่นคอมได้พร้อมกัน 2 คนอิอิ ไม่แย่งกันเล่น
 
(ยังขาดเก้าอี้ทำงาน 1-2 ตัวส่วนนี้)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ส่วนของครัวมีครบแล้ว อาจติดกระเบื้องสวยๆ
ส่วนอีกด้านติด wallpaper ลามมาจากห้องนั่งเล่น
 
ด้านในครัวเข้าไปเป็นซักล้าง ไว้วางเครื่องซ้กผ้า
ส่วนนี้ยังขาดตู้เย็น กับเครื่องซักผ้า รอรับบริจาค
 
 
 

 
 
 
 
 
 
ห้องน้ำไม่ค่อยชอบเท่าไร อยากเปลี่ยนพวกสายชำระกับฝักบัว
นอกนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอะไรบ้างนอกจากติดเครื่องทำน้ำอุ่น
 
 
 
 
 
 
ห้องยังโล่งมาก ยังรอพร๊อพอีกเยอะมากๆ
 
 
 
 
 
 
 
วิวจากหน้าต่าง ห้องเราไม่ได้อยู่สูงมากเท่าไร แต่ก็ไม่เตี้ยมากจนเสียงดัง
 
...
,,,
 
 
พอทำไรเสร็จก็ไปทดสอบนั่งเล่นชั้น6 พบว่าเป็นชั้นดูดวิญญาณ
มันสบายดี ถ้าตอนแดดไม่ร้อนมาก นั่งเล่นได้เรื่อยๆหาไรมากิน
 
 
 
 


 
 
 
ชิลๆแต่นั่งไปนานๆรู้สึกว่าดำขึ้นเยอะเหมือนกันขนาดมีร่มแล้ว
 
 
 
 




 
โต๊ะนี้ก็เหมาะกับเอาของมานั่งกินเล่น คุยเล่นนู่นนี่
 
 

 
 
 
ใครอยู่ชั้นนี้ก็ดีตรงออกมาเล่นได้ง่ายมากมีประตูเดินออกมาหลังบ้าน
แต่ซวยตรงที่เวลาคนมาใช้บริการสระว่ายน้ำแล้วมันจะไม่ส่วนตัวอ่ะจิ
 
 



 
 
 
อันนี้คือส่วนของยิม มีคนมาเริ่มใช้บริการและ เดี๋ยวจะลองมาเล่นด้วย
ด้านหน้าเป็นเครื่องเล่น ด้านหลังเป็นห้องเล่นพวก Fit ball ซ้าวหน้าลงบันไดไป
 
 
 






 

 

 
 
 
...
,,,,
 
 
 
ที่เหลือตอนนี้ก็เหลือรอช่างติด wallpaper + ม่านในวันจันทร์
เหลือซื้อของต่อไปนี้ได้แก่
 
- ฟูกที่นอน
- โทรทัศน์
- ตู้เย็น
- เครื่องซักผ้า
- โซฟา
- โต๊ะกินข้าว
- เก้าอี้ 4 ตัว
- โคมไฟเพดาน
- โคมไฟตั้งพื้น
- พรมห้องนั่งเล่น
- พวกกรอบรูป
- ภาพติดหัวเตียง
 
หมดละ ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ
 
 
 
ZZZZZZZZZZzzz....
 
 
 
 
 
 
-

Monday 26 August 2013

Hair extension

 
 
 
วันนี้ได้ของเล่นชิ้นใหม่ ซื้อจากร้านข้างๆร้าน Sugar Bird 1 ที่บ้านเรามีวิกอยู่ประมาณ 4 อัน เป็นผมสั้น 3 อัน อันแรกเป็นบ๊อบเท สั้นๆ อีกอันบ๊อบเทยาวหน่อย ส่วนอีกอันเป็นบ๊อบเทสีชมพูใส่แล้วน่าเกลียดมาก  แล้วก็มีแบบผมยาวอีกอัน แต่ใส่แล้วตลกมากเลย
 
 
 
วันนี้ไม่ได้ตั้งใจพอดีเจ๊ร้านกระเป๋าไปนั่งลองติดดู  เค้าก็จับเราไปนั่งลองบ้าง ดูมันง่ายดีเค้าลดให้เลยซื้อ ได้มาอันนึง ยังติดไม่ค่อยเก่งแต่กะว่าต่อไปนี้เวลาไปงาน เราก็จะติดไอ้นี่แหละประหยัดดี อิอิ ... มันประหยัดเวลาดี แต่อาจจะไม่สวยเริ่ดเท่ากับไปเกล้าผมไปงาน ... แล้วก็เสี่ยงมากเกิดมันหลุดหรือว่ามันแพลมออกมา จะตลกมาก ...
 
 
เราเป็นคนผมน้อยมากจริงๆเวลาช่างแต่งหน้าชอบว่าเราผมน้อย เวลาไปร้านทำผมก็มักจะโดนช่างผมบ่นว่าสภาพเน่ามาก เกินเยียวยา ทั้งน้อยและบาง แถมผมแตกปลาย และมักจะเสียเงินทำบำรุงเพิ่มโน่นนี่ แต่ไม่ว่าจะบำรุงยังไง ผมเราก็มิเคยดีขึ้นเลย สุดท้ายต้องหาตัวช่วยแบบนี้แล ...
 
 
 
 
 
 

 
 
ตอนแรกก็แบ่งผมแล้วก็หนีบไว้
จากนั้นก็เอาเจ้านี่ไปคลิปไว้กับแนบผม
แล้วก็ปล่อยที่เราหนีบผมจริงไว้มาปิดๆ
ทำให้เนียนๆ ที่ร้านทำให้สวยมากเลย
 
แต่ทำม้ายยยเราทำเองมันดูรกๆแบบนี้??
 
 
 
 

 
 
ผมเปรียบเทียบ B4 กับ After จากฟีบเป็นฟูจนรกเลย
 
 
 
 




จบ.
 
 
 
 
 
ps. พรุ่งนี้ติด wallpaper คอนโด นัดช่างแล้ว
 
 
 
 
 
 


 

Thursday 22 August 2013

ไปบรรยายมาแล้ว

 
 
 
เมื่อคืนกลับถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่ม ก็ตรงเข้ามาเปิดคอมเลยค่ะ เพื่อเตรียมไปบรรยาย ปีนึงเราจะไปบรรยายที่นี่แค่ 1 หนเอง เป็นวิทยากรพิเศษ จากที่เคยเล่าไปแล้ว ในวิชา HR สำหรับน้องๆนักศึกษาที่สนใจฟังประสบการณ์และขั้นตอนการเตรียมตัวสมัครแอร์และสถานการณ์ในวันสมัครและอื่นๆ ระยะเวลาในการบรรยายคือ 3 ชั่วโมง (นานแฮะ) เราก็ใช้ Power Point เดิมเป็นหลักในการปรับแก้ให้ดีขึ้นกว่าครั้งก่อน คราวก่อน 60สไลด์ คราว แล้วก็เอาความผิดพลาดที่มันเกิดจากคราวก่อน + จากถามคนรอบตัว+ คำแนะนำจากหลายๆคนทั้งเพื่อนและชาวได มาใช้กับการบรรยายครั้งนี้ 
 
 
 
เราเปิดทีวีไปด้วย เพื่อรอดูรายการ 3 แซ่บ ... เพราะเราดูตัวอย่างรายการนี้ เห็นน้องเพลงมาออกกับคุณตู่นันทิดา มีตัวอย่างว่าน้องเพลงร้องไห้ แล้วก็คุณตู่มีน้ำตาคลอด มีคีย์เวิร์ดว่า
 
" แม่พอเหอะ"
" เราต้องอยู่ให้ได้"
" เราจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นอีกแล้ว"
 
เราก็มโนไปไกล ...
 
แค่ 3 ประโยคนี้ก็ทำให้เรารอค้อยรอคอยในการดู แม้ว่าจะทำงานไปด้วยแต่หูก็เงี่ยฟังตลอดว่ามะไรข่าวจะจบนะ ก็รอดูไปจนเวลาล่วงเลยไปมาก จะเที่ยงคืน และสุดท้ายก็พบว่าเรื่องของเรื่องคือไม่เกี่ยวกับเรื่องประเด็น hot แต่อย่างไร (มารู้ตอนหลังว่าเทปนี้เค้าอัดไว้นานแล้ว ฮ่วย)
 
 
พอ 3 แซ่บจบ เลยเรียกสติคืนมาแล้วนั่งทบทวน กับวางแผนการบรรยายต่อ ... เราจริงจังกับมันมาก แม้เราจะไม่ได้สอนเป็นอาชีพแล้วก็สิ่งที่สอน เนื้อหาไม่เป็นเชิงวิชาการเลย แต่เราฝังใจจากการบรรยายคราวก่อนซึ่งมันไม่ดี ถ้าวันนี้เราทำได้ไม่ดีอีกเราคงจะหมดความมั่่นใจในการบรรยายไปเลย ก็เลยตื่นเต้นมากกกกกกกก แล้วก็กลัวว่ากิจกรรมที่เตรียมไปจะแป๊กด้วย
 
 
 
...
,,,
 
 
5 am. พ่อเคาะประตูห้อง ปังๆๆ    ( me, ตื่นเช้าที่สุดในรอบปีนี้)
6 am. ออกจากบ้าน  (บางวัน เวลานี้เพิ่งจะนอน)
7:15 am.  ถึงหน้า ม.ราชภัฏสวนสุนันทา
 
"เวลาบรรยาย 9 โมงเช้า"
 
7:30 am. แมคโดนัล สาขาเซนคาเบรียล
นั่งกินอาหารเช้าแมค ดื่มกาแฟทำใจ แล้วก็ปวดห้องน้ำ T_T
 
8 am. เดินหาห้องน้ำในมหาลัยอย่างกระสับกระส่าย
8:10 am. โทรหาอาจารย์ ว่าถึงแล้วค่ะ
 
9 am. ขึ้นไปที่ห้องเรียน เริ่มสอน
 
 
...
,,,
 
 
น้องๆที่เรียน เรียนเกี่ยวกับด้านบริการแต่วิชาเลือกธุรกิจการบิน
 
 
คลาสนี้สอนสนุกกว่าปีก่อนเพราะในห้องมีแค่ 26 คน เราชอบมาก ปีก่อนในห้องเป็น 100 คนมันเข้าถึงน้องๆยากกว่า ควบคุมยาก แต่อันนี้ ใกล้ชิด เราเดินขึ้นบันได 4 ชั้นหอบแฮ่กๆ ขอน้องๆพักเหนื่อย 1 นาทีก่อนจะแนะนำตัวและเริ่มให้ทุกคนแนะนำตัวและบอกเหตุผลที่อยากเป็นแอร์ เพื่อให้ทุกคนได้พูดและมีส่วนร่วม 
 
 
จากนั้นก็เริ่มการบรรยาย แต่คราวนี้ต่างจากคราวก่อนที่พูดตามเนื้อหา แต่คราวนี้ เอาประสบการณ์ ระบบความคิด เหมือนเล่าเรื่องตัวเรา แล้วแทรกเนื้อหาแทน ทุกอย่างนี้ทำตามคำแนะนำที่พี่ๆเพื่อนๆเม้นไว้ มีประโยชน์มากกก ... จากนั้นพอเริ่มพูดเยอะแล้ว เราพักเบรค
 
ระหว่างพักเบรค 10 นาที น้องในห้องหลายคนที่ไม่ออกไปพักแล้วนั่งรอในห้อง พูดคุยระหว่างพัก ทำให้เราหายความประหม่า และคุ้นเคยกับหลายๆคนมากขึ้น ได้เห็นทัศนคติของหลายๆคน เด็กๆวัยใสน่ารักดี นึกถึงสมัยเรายังเป็นเด็ก บางครั้งยิงคำถามซื่อๆแต่น่าเอ็นดู
 
 
พอเริ่มสอนหลังเบรค ก็บรรยายต่อจนกระทั่งมีให้ทำกิจกรรมเวิร์คชอป คือเราเตรียมของรางวัลมาจากบ้านด้วย ซื้อมา 6 ชิ้น ให้นักศึกษาจับกลุ่ม กันเพื่อทำจำลองการทำ Group Discussion เหมือนตอนสมัครแอร์ แล้วก็ให้มีคนเป็นกรรมการ ตอนทำกิจกรรมกลุ่ม ดีใจมากเลย นักศึกษาตั้งใจทำเสมือนจริง ไม่ทำเล่นๆ มีขำบ้างอะไรบ้างแต่ก็ใช้ได้เลย ทุกคนใส่ใจดี พอแจกรางวัล ก็ดีใจมาก สำหรับคนที่ได้ แม้จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ ...
 
 
กิจกรรมผ่านไปได้ด้วยดีทั้ง 2 กลุ่ม สีหน้าเราเรียบเฉย (ในใจกรี๊ด)
 
และแล้ว เวลาบนหน้าปัดก็ใกล้เที่ยงอย่างไม่น่าเชื่อ 3 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เรารู้สึกเจ็บคอ และเพลีย หลังจากสอนจบและรู้สึกว่า
 
อาชีพที่ต้องสอนนักเรียนหรือนักศึกษา คนที่เป็นอาจารย์ เป็นอาชีพที่เหนื่อยมาก ตอนเรานั่งฟังเรายัง ง่วง หิว เบื่อ หาว แต่คนที่ยืนหน้าชั้น ต้องใช้พลังงานมากจริงๆ ทั้งกายใจ ไหนจะเตรียมการสอน เรารู้สึกรักครูเรามากขึ้นจังหลังจากวันนี้
 
 
...
,,,
 
 
หลังจากสอนเสร็จ อาจารย์ก็พาเราไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารหน้ามหาลัย อร่อยมากเลย เป็นร้านอาหารไทยไม่ใหญ่โตอะไรแต่ได้รางวัลเยอะจัง เราก็ไม่เคยทาน ไปกับ 3 คน กับ พี่อุ้มแล้วก็ อ.นุก วิทยากรอีกท่าน 3 คน กับข้าว 4 อย่าง
 
มีไข่เจียวฟูปู - รูปร่างน่ารักดีเหมือนลูกบอลข้างในมีเนื้อปู
ผัดดอกขจรน้ำมันหอย - รสชาติดีไม่เหม็นเขียว
แกงส้มใส่สายบัวกับกุ้ม - รสเข้มข้นดี
แล้วก็ปีกไก่ทอด  - ก็อร่อยดี
ของหวาน ไอศครีมมะพร้าวอ่อน - เบาๆละลายในปาก
 
ไทยๆมาก กินเข้าไป เอ้ยยยยยยยย อร่อยยยยยยยย
แค่นี้ล่ะค่ะ อิอิ บันทึกไว้กันลืมเผื่อแอบแวะไปกินอีก
 
 
 
 
 
 

 credit : รูปจากเวบของร้านครัวอัปษร
 


จานนี้ชอบสุด

 
จานนี้คนสั่งทุกโต๊ะ
 
 
...
,,,
 
 
 
พอเสร็จเราก็ไปร้านต่อเลย
ลูกน้องบอกว่าทำไมวันนี้พี่นุ่นแต่งตัวเรียบร้อยจัง
 
555
 
 
 
 
 
 

Thursday 15 August 2013

Parisian Brown Fashion Show

 




แม้ตัวเองจะคิดเสมอว่า ณ ตอนนี้เราไม่ใช่ Blogger อีกต่อไปแล้ว ยิ่งหากใช้คำว่า beauty blogger ยิ่งห่างไกลเพราะเราแทบไม่ได้นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับความงามใดๆเลยเป็นเวลาหลายปีละ อาจจะด้วย Lifestyle และอื่นๆ หรือเพราะเราไม่ค่อยได้สนใจเรื่องความงามเหมือนอย่างตะก่อน  แต่ด้วยเคยถูกเชิญไปงานด้านนี้มาก่อน ดังนั้นรายชื่อของเราจึงยังอยู่ใน list บ้าง นานๆครั้ง




อย่างวันก่อนนี้ที่ได้รับเชิญไปงาน Parisian Brown Fashion Show โดย L'oreal Paris ดู dress code ก็ค่อนข้างประหวั่นใจ เพราะ dress code ในบัตรเชิญคือ Glamorous Parisian Dress แถมให้ติดเครื่องประดับผมสไตล์ฝรั่งเศษอีก (พวกตาข่ายๆ) ซึ่งเรามีเยอะนะ แต่เราไม่กล้าใส่เพราะเราคงนั่งรถไฟฟ้าไปงาน



ส่วนชุดเราก็เครียดมากเพราะไม่รู้ว่าแนว Parisian ในใจยังไม่ชัดเจน เลยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านแฟชั่น นั่นก็คือ Joe ... โจเลยบอกว่าเจ๊แต่งแนวนี้สิ ลุคนี้ดูดีมากเลย






 
 
 
 
 
 
แต่ปัญหาคือ 1. เดี๊ยนไม่สามารถ afford ชุดของ Dior ได้ค่ะ 2. เดี๊ยนมีเวลาแค่ครึ่งวันในการหาชุดเพราะเย็นต้องไปงานแล้ว คือไม่ต้องซักกันเลย  .. สุดท้ายก็ได้มาคล้ายๆแต่แพทเทิร์นไม่ได้เลยโดยเฉพาะเสื้อ มันไม่ฟิตพอดีตัวแบบที่ Mila ใส่ง่ะ แงๆๆ
 
 
 
งานเริ่ม 6:30 pm คอกเทล
แฟชั่นโชว์ เริ่ม 7:30 pm. เปิดตัวพรีเซนเตอร์ 3 คนใหม่ของสีผมใหม่ของ Loreal
 
ดิช้านไปถึงงาน 7:25 นาที กระหืดกระหอบ T_T ดีที่ยังทันได้ดูโชว์
น้ำเนิ้ม แชมปงแชมเปญ ไม่มีเวลาไปหยิบ แงๆ
 
* บีน้ำทิพย์ยังสวยเหมือนเคย นึกถึงตอนที่เราเคยนั่งไม่ไกลกันตอนเราหน้าเป็นซาลาเปาถ่าย TVC กับบีผู้มีหน้าเรียวเล็กเท่าผ่ามือและเรียวขายาวเพรียวสุดๆ
 
* เป็นครั้งแรกที่เห็น สิ Pisinee ที่เป็น Top Model อีกคนที่เราเห็นในหนังสือแล้วกรี้ดมาก ตัวจริงเธอสูงที่สุดในบรรดานางแบบทุกคน สูงมากกกกก ขนาดบีสูงแล้วยังดูสูงปกติเมื่อเทียบกับคนอื่น
 
* เสื้อผ้าที่ใช้เดินในงานคือ Viteerut, Disaya และ Vatanika





 

สิ วันนี้ยีผมฟู
 

 

บีสวยมากๆ

ฟินาเล่
 
 
 
 
พองานโชว์จบเราก็ไม่ได้อยู่ After Party ทั้งสิ้น รีบกลับแน่บเลย
กลับถึงบ้านแกะของชำร่วยดู มีแชมพูกับครีมนวด แล้วในของขวัญ
แกะมาเป็น JuicyCouture Charms น่ารักอ๊ะ จะใส่ๆๆ
 
 
 
 



กลับบ้านแชะรูปหน้าตัวเอง 2 รูปโทษฐานที่โบกหน้าแล้ว
(ขนตาแอบเบาไปนะ ติดแบบนี้ไม่เอาแล้วมันไม่รู้สึกอะไร)
ถ่ายเสร็จก็ล้างหน้าได้อย่างสบายใจแล้วก็อาบน้ำนอน
 
 
ZZZzzz... 



 
 

Saturday 10 August 2013

My Pre-wedding Photoshoot @ La Toscana












credit : photo by Coffeeoto
 


 credit : photo by Coffeeoto



 credit : photo by Coffeeoto

 


credit : photo by coffeeoto



    ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เราได้บันทึกอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับงานแต่งงานของเรา  ทางครอบครัวของคุณป๊อกและครอบครัวของเราก็ได้คุยกันมาสักระยะแล้ว ถึงแม้ว่าการเตรียมงานยังไม่ลงตัวในเรื่องของการตกแต่งสถานที่ การ์ด และของชำร่วย แต่ก็ถือว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะหลักๆในเรื่องสถานที่ และการตกลงมัดจำเรื่องถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ ช่างแต่งหน้า รวมถึงชุดก็พร้อมแล้ว 
 
 

การถ่ายพรีเวดดิ้งนั้นเราก็เลือกกันอยู่นานว่าจะเอาที่ไหนดี แต่ป๊อกเคยให้เข้าไปดูของ Coffeoto ที่เป็นฟรีแลนซ์อยู่ใน FB เราดูมาหลายอัลบั้มจะว่าทุกอัลบั้มก็ได้ที่เขาถ่ายมาทั้งหมด ก็เลยคิดว่าตรงกับฟีลที่เราต้องการ เพราะเราไม่ต้องการแนวมากเกินไป อยากให้ภาพดูดีและคลาสสิค มีความหวานแล้วก็สามารถเก็บไว้ให้ลูกหลานดูได้แม้เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี บวกกันระบบการทำงานของที่นี่ค่อนข้างเป็น professional ก็เลยเลือกที่นี่ ส่วนราคาถ้าเทียบกับการซื้อแพ็คเกจแต่งงานที่เหมารวมเอาชุดวันงาน แต่งหน้าและอื่นๆรวมกัน ก็ถือว่าใช้บริการฟรีแลนซ์แยกแบบนี้ รวมแล้วจะแพงกว่าพอสมควรเลย แต่เราจะได้สิ่งที่เราชอบมากกว่า 




 


 





 นอกจาก Coffeeoto จะเป็นช่างภาพหลักในการถ่ายครั้งนี้เราก็ยังมีน้องฟาง Peach Zoda เพจ อารมณ์นิยม ใน FB ไปแคนดิดฟีลอารมณ์ด้วย สนิทกันตั้งแต่ไหนไม่รู้แต่นึกถึงฟางก่อนเลยเพราะฟางตอนนี้เริ่มรับงาน wedding แล้ว แต่ยังน้อยอยู่ก็เลยต้องตามไปเก็บพอร์ท ฟางเป็นคนถ่ายภาพฟีลอารมณ์หวานๆและวินเทจสวย อยากให้น้องเริ่มเข้าสู่การรับงานถ่ายเวดดิ้งจริงจัง แฮ่ๆ

https://www.facebook.com/ipeachzoda





                                    photo by Peach Zoda (อารมณ์นิยม)

 


นอกจากฟางก็ยังมีน้องอีก 2 คนคือน้องๆทีม VRFILM ที่ในยูทูปเคยทำคลิป ห่างกันสักพักแบบล้อเลียน เราเคยดูแต่คลิปฮาๆของน้องๆเค้าง่ะ แล้วน้องเขายังไม่เคยรับงานเวดดิ้งจริงจังเลยแต่เราก็เอาวะ เสี่ยงดู เพราะดูตัวอย่างแล้วมุมเค้าก็โอเคนะ ยังไม่รู้ว่างานจะออกมาไง ก็ฝากความหวังไว้กับน้องแบงค์กับน้องปุ้ยนี่แหละ น้องๆยังอยู่ปี 3 อยากเห็นว่าเด็กปี 3 จะทำวีดีโอออกมาเป็นยังไงน๊าา


ก่อนถึงวัน เราได้เข้าไปที่ Home Office ของคุณออมและคุณตั๊กเพื่อเลือกชุดเจ้าสาว และชุดเจ้าบ่าว คุณป๊อกมีปัญหาเรื่องขาสั้น ทำให้กางเกงยาวไป เลยตัดสินใจไปตัดสูทเองใหม่ 2 ชุด เพราะยังไงก็ได้ใช้ในวันจริงด้วย ส่วนเราเลือกชุดสีเหลือง แต่พอปรึกษาแม่ แม่อยากให้ใส่สีขาวมากกว่า เพราะเก็บไว้ดูอีกนาน ก็เลยบอกคุณออมว่าขอเปลี่ยนเป็นสีขาวดีกว่า 



ก่อนวันจริงเดือนนั้นเป็นเดือนแห่งความสิ้นเปลืองมาก เพราะเขาให้เตรียมชุดไปรเวทไปถ่ายอีก 3 ชุด เราดั๊นคิดมาก กำหนดเป็นธีม 3 ธีม ทำให้ระหว่างนั้นจะคอยแต่หาชุดไปถ่าย บางทีซื้อมาแล้วเปลี่ยนใจก็ซื้ออีก ไหนจะพร๊อพ ไหนจะรองเท้า ที่ผ่านวันถ่ายมาได้ก็ดีใจมากเพราะจะได้ไม่ต้องเปลืองอีกแล้ว อิอิ เราว่าเราเยอะมากนะในการไปถ่ายครั้งนี้ เพราะพี่ช่างแต่งหน้าเขาบอกว่าตั้งแต่ถ่ายมาของน้องคอนเสปเยอะสุดแล้วอ่ะ 





photo by Peach Zoda (อารมณ์นิยม)

photo by Peach Zoda (อารมณ์นิยม)




วันจริง


ทางไกลมาก เราอาจขับอ้อมก็ได้ เลยทำให้เราไปถึงสถานที่ช้าไป 1 ชม. ทำเอาทีมงานเครียดกันเลย เพราะต้องเร่งถ่ายให้ทัน แล้วแต่ละชุดต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมอีก แสงหมดก็อดถ่าย แถมที่ La Toscana ให้ลิมิตถ่ายไว้ที่ หกโมงเย็น ค่าสถานที่เราเป็นคนรับผิดชอบเองแหละ ที่เลือกที่นี่ก็เพราะบรรยากาศเป็นสไตล์ Tuscan เหมือนของอิตาลี่ เราชอบที่อิตาลี่ ชอบผนังปูนสีส้มๆเหลืองๆแบบนี้ ไม่รู้เมื่อไรจะได้ไปอีก ก็เลยเลือกที่นี่แหละ ติ๊งต่างว่าถ่ายที่อิตาลี อิอิ

* ใครที่ไปถ่ายพรีเวดดิ้ง ตจว ที่ไม่เคยไปควรเผื่อเวลาออกจากบ้านเผื่อหลงอีก 30 นาที



ไปถึง การทำงานก็ราบรื่นดี ยกเว้นว่าเราเกร็งมากเวลาถ่ายภาพ ทาง Coffeoto ก็มีแอบไปดูมานิดหน่อยว่าเราก็เคยเป็นแบบถ่ายรูป คิดว่าน่าจะถ่ายง่าย แต่ปรากฏว่าเราถ่ายยากมาก เพราะกับป๊อก ปกติเราไม่มีอารมณ์สวีทกันเลย แข็งทื่อเป็นทอนไม้เบย ตากล้องยังบอกเลยว่าทำไมตอนถ่ายเดี่ยวนี่ลื่นไหลดีแฮะ บวกกับร้อนด้วยอะไรด้วย แต่เขาก็พยายามบิวท์ให้เรายิ้มหรือหัวเราะ และกำกับท่าให้

* ควรซ้อมหัดยิ้มหน้ากระจกสำหรับคนที่ยิ้มยาก


อีกปัญหานึงคือรองเท้าส้นสูง เวลาใส่แล้วเราจะดูตัวสูงใหญ่กว่า วทจบ เพราะเค้าสูงกว่เราอาจจะไม่ถึง 10 cm. พอเราใส่รองเท้า ห้านิ้วก็เลยปรี๊ดไปละ เลยรู้ละว่าตอนวันจริงเราจะใส่คู่เตี้ยๆก็พอ 

* ควรเตรียมรองเท้าไปทั้งแบบสูง และแบบไม่สูงมาก 


นอกจากนั้นในวันที่ไปถ่ายจริงเราก็บอกตากล้องเราก่อนว่าจะมีใครมาบ้าง คุยเรื่องการทำงาน เพราะบางเจ้าไม่ยอมให้ใครมาถ่ายเลยแม้จะเป็นญาติ แต่ทาง Coffeeoto บอกว่าไม่เป็นไรถ้ามาถ่ายแคนดิด งานนี้ฟางจึงไม่มีการมาบอกกำกับท่าให้เราเพราะให้เกียรติกับทางช่างภาพหลัก ส่วนน้องๆ VRfilm จะขี้เกรงใจอยู่ละ อิอิจะแถบถ่ายวีดีโอตอนเผลอๆแล้วก็บอกให้วิ่งหรือเดิน นานๆครั้ง 




photo by Peach Zoda 

photo by Peach Zoda 

photo by Peach Zoda 



photo by Peach Zoda





ตอนขากลับทุกคนเหนื่อยล้ามากมาย แต่ก็ต้องพยายามออกจากภูเขาให้ได้เพราะมันมืดและอันตรายด้วย พอออกมาได้ไม่รู้จะกินอะไรมันจะสามทุ่มแล้ว เจอ homepro เลยซัด Hotpot นาทีก่อนปิดร้าน อัดแหลก กินจนน้อง VRfilm สองคนท้องเสียในวันรุ่งขึ้น ยอมรับสารภาพว่าถึงบ้านแล้วเราหลับเป็นตาย ลืมล้างหน้าอาบน้ำสระผม หัวเป็นสิงโต หน้าเป็นงิ้วนอนหลับสบายแฮ