Saturday 27 July 2013

PUPA Active Light






เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อะฮั้นก็ได้มีโอกาสได้ไปงาน Workshop ของเครื่องสำอางค์ยี่ห้อ PUPA ซึ่งเป็นแบรนด์จากอิตาลี่ ซึ่งเป็นรอบเวิร์คช็อปสำหรับบรรดา beauty bloggers ธีมงานวันนี้ก็สี Black & Nude เนื่องจากจะสื่อถึงรองพื้นตัวใหม่ Active Light ของ PUPA นั่นเอง


งานนี้ก็จัดขึ้นเหมือนหลายๆงานที่ผ่านมา ซึ่งก็มักจะเจอกับบรรดา Blogger ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แปลกจังที่เรายังได้รับเชิญอยู่แม้จะเลิกเขียนไปนานแรมปี จะว่าไปแล้วเราแทบไม่ได้เรียกว่าเป็น beauty blogger ด้วยซ้ำเพราะไม่ได้นำเสนอเรื่องความงามเลยในระยะสามปีหลังจากเลิกเป็นแอร์ แต่ก็ด้วยพี่ Cherrie ยังนึกถึงอยู่ก็เลยเชิญมาด้วย ...













งานนี้มี Makeup Artist มาจากอิตาลี่ด้วยคือ Giorgio ซึ่งเป็น Makeup Artist ที่ิคิดสีสันให้กับทาง PUPA เลย ก็มาสอนทริคการแต่งหน้าสำหรับ collection นี้ ซึ่งก็ได้แต่ง Smoky eyes แซ่บๆกันไปตามระเบียบ

มาดูภาพประกอบกันค่ะ ...



 
 
 
 
 
แรกเริ่มเราลงตัวเมคอัพเบสก่อน ทาลงไปที่หน้าเป็นเนื้อฟิล์ม ช่วยให้หน้าเรียบเนียน
จากนั้นลงตามด้วย Active Light ซึ่งเหมาะกับสภาพผิวของคนเอเชียเนื่องจาก
 
 
- เป็น Oil Free
- มีโทนสีที่เหมาะกับคนเอเชีย
 
 
 




 
Luminys Touch
 
ตัวนี้รูปร่างเหมือนของ YSL ที่โด่งดังแท่งนั้น
กดๆแล้วทาบริเวณร่องต่างๆและจุดที่จะไฮไลท์
ทาที่ร่องหนวดแมว ใต้ตา และหน้าผากแล้วเกลี่ย
 
 
 
 
 
จากนั้นลงแป้งฝุ่น ตลับแปลกดี เนื้อแป้งเป็น 2 สีแบบนี้
 
ละก็เสร็จสิ้นภาระกิจกลบหน้า ปรับสภาพผิวออกมาเป็น
 
 
 
 
 
...
,,,
 

 
 

ก่อนแต่งตาเราลงก่อนเลย Like a doll blush สีส้มอ่อนๆ
ตามด้วย Shading หน้าเผื่อให้หน้าเรียวขึ้น ...


 

 
 
 
พอมาดูที่ตลับอายแชโดว์ สีสวยมากเลย มีหลายสีเลยที่สวยๆ
ไม่ได้ถ่ายตลับม่วงกับตลับเขียวมา เราเลือกตลับสีม่วงเข้มค่ะ
 
 
 
 
 
 
เลือกใช้มาสคาร่าสีม่วงด้วยนะ จัดไปเพราะไม่เคยลองสีนี้
 
 
 
 
 
 
 
สีตาที่ได้ออกมาประมาณว่าน้ำเงินเข้มมากกว่าเพราะเราจิ้มสีน้ำเงินเยอะ
 
 

 
 
เลือกลิปสติกสีออกไม่เข้มมาก แต่ทาออกมานู้ดน้อยกว่าที่คิดสีนี้ ...
 
 

 
 
หาสีนู้ดไม่เจอ เลยไม่ซีดเท่าที่ควร อิอิ

 

 

 
  
 
เสร็จขอถ่ายรูปกับพี่นุ่น ดูรูปแล้วตกใจมาก คิ้วช้านเป็นชินจังเลยง่ะ
                         สงสัยหนักมือไปหน่อยไม่เคยใช้ที่เขียนคิ้วแบบนี้ เป็นคนคิ้วเข้มอยู่แล้ว
พอเขียนคิ้วแล้วไม่ยั้งมันก็ออกมาเป็นชินจังด้วยประการฉะนี้ 5555
 
ดูแล้วก็ละเหี่ยใจกับฝีมือแต่งคิ้วของตัวเองมว้ากก รับไม่ได้ T_T

 

 

 

 
 
พร๊อพที่เขาจัดไว้ให้ถ่ายรูปเล่น อิอิ

 


 


จากนั้นกลับบ้าน ... แชะรูปในห้องน้ำก่อนจะล้าง คสอ. อาบน้ำ นอน ....
 
 
 

 


 

Wedding dress แบบไหนดี?



 

 
ในที่สุดก็ถึงเวลาในการเขียนเรื่องแต่งงานซะที เหตุที่เราย้ายมาเขียนที่นี่ก็เพราะว่าเรายังไม่อยากป่าวประกาศเรื่องงานแต่งให้มากนัก ที่ diaryclub หากอัพลงไปก็จะต้องมีคนอ่านมากกว่า 1000 คนซึ่งในบางครั้งการเชิญคนไปงานแต่งงานเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราไม่สามารถเชิญทุกคนได้ แต่ในขณะเดียวกันทุกคนที่เราเชิญก็มีผู้ที่มาได้และมาไม่ได้ หรือเฉยๆไม่ค่อยอยากมา เราเลยกะว่าเอาไว้ใกล้ๆถึงจะให้ทุกคนได้รับรู้กันดีกว่า แต่ว่าก็อยากจะเขียนบันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำ หากวันนึงมีลูก ลูกเราก็จะได้อ่านว่าจุดเริ่มต้นของแม่กับพ่อเริ่มมาจากไหน น่าจะเป็นสิ่งดีดีให้จดจำเนอะ ...


มาถึงเรื่องความคืบหน้าของงานแต่ง ช่างเป็นอะไรที่ต้องทำเยอะแยะมากมายเหลือเกิน สำหรับการจัดงาน หากโลกนี้ไม่มีขนบธรรมเนียม ไม่มีพ่อแม่ เราคงแต่งกันง่ายๆแล้วก็เริ่มต้นชีวิตในวันรุ่งขึ้น แต่การจัดงานแต่งสมัยนี้ เทียบกับสมัยก่อน มันมีวิวัฒนาการล้ำไปมากขึ้น ถ้าสังเกตกันดีดี ความอลัง ขอบเขตก็มากขึ้นเรื่อยๆขอให้มีเงินจัดเห๊อะ ผู้จัดทำได้ทุ้กกกอย่าง แต่สำหรับเรา เอาพอประมาณตามความเหมาะสม ตามฐานะ เนื่องจากเรามิใช่ไฮโซ หรือธุรกิจอิ่มตัวแล้ว ธุรกิจของเรากำลังเริ่มต้น มันไปได้ดีนะแต่ก็เพิ่งขึ้นปีที่ 2 มีการขยายสาขา แต่ก็ยังไม่ stable เราเลยกะว่าจะไม่เอาเงินไปละลายกับงาน จริงอยู่ว่างานมีครั้งเดียวในชีวิต แต่ก็ ... ความหมายและความสำเร็จของชีวิตก็ไม่ได้อยู่ที่วันวันเดียวสักหน่อย เอาเป็นว่าจัดให้สมเกียรติพ่อแม่ ตัวเราและตัวเขาภูมิใจ ย้ำไว้ว่าพอดีกับฐานะดีกว่า ^^


มาถึงเรื่อง "ชุดแต่งงาน" ค่ะ

งานจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมของปีนี้ แต่ว่าเราได้ซื้อชุดแต่งงานละ ตั้งแต่เดือน 7 ว่าไปก็ถือว่าซื้อเร็วมาก เรา เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรเร็วมาก ใช้เวลาลองชุดแค่ 30 นาที และเป็นร้านแรกที่เข้าไปลอง ... จริงๆเราก็มีประสบการณ์ในการลองชุดมาแล้ว หลังจากได้ไปลองชุดแต่งงานกับทาง Coffeoto ที่เป็นถ่ายพรีเวดดิ้งให้เรา และที่นี่จะให้ยืมชุดสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย เราก็เลยไปลองก่อน ทำให้เราได้รู้ว่าทรงของชุดแต่งงานที่เหมาะกับเรานั้นต้องเป็นยังไง ทรงชุดแต่งงานที่มองๆไว้มีหลายแบบ เราได้ลองชุดครบทุกแนว มีทรงดังต่อไปนี้







1.  แนวเจ้าหญิงฟูฟ่อง  (Princess Style)



Vera Wang wedding dress Fall 2013 bridal 14
credit : Vera Wang 2013 collection



ทรงนี้เป็นทรงชุดที่เราปลื้มมาก เพราะเกิดมาในชีวิตของคนคนนึงก็อยากจะเป็นเจ้าหญิงชิมิ แล้วทรงนี้ก็ดูคุ้มเหลือเกิน ถ่ายรูปมาก็สวยจัง อลังการสุดๆ เอาจริงๆราคาก็ไม่ได้แพงไปกว่าอีกทรง ในกรณีที่ผ้าไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าใช้ผ้าแพงก็ราคาสูงเอาการเพราะผ้าเยอะ  ... เราอยากใส่มากเลย แต่ฝันก็สลาย เมื่อลองชุดทรงนี้แล้วพบว่าอืดอย่างแรง

มาวิเคราะห์กัน - เนื่องด้วยเราเป็นคนที่หุ่นด้านบนโครงใหญ่ แต่จะเล็กมากในส่วนของขา ตั้งแต่สะโพกลงมาเล็กหมด ต้นขาก็เล็ก ที่ใหญ่มากในร่างก็คือเอว (ที่ใหญ่ถึง 28-29 นิ้ว) รองลงมาคือหน้าอก ยอมรับว่ามีหน้าอกพอควรเลย ทรงนี้ มันจะเน้นช่วงบน แล้วช่วงล่างก็ปล่อย ดังนั้นเมื่อคนช่วงบนใหญ่อย่างเราใส่ทรงนี้ มันก็กลายเป็นไปเน้นจุดบอด ไปพรางจุดขายซะนี่ เลยตกไป

อดค่ะ

คนที่เหมาะกับทรงนี้ ถ้าเอวเล็ก (ขาใหญ่ไม่เป็นไร) ชนะเลิศศศศ

...
,,,




2. ทรง A แล้วมีหางยาวออกไป





ทรงนี้เป็นทรงที่ Simple แต่เรียบหรูดูดี จะสวยมากเมื่อถ่ายจากด้านหลัง และก็เหมาะกับเราด้วยเพราะเป็นกระโปรงทรงเอตรงยาวลงมา มันช่วยให้เราดูเพรียวมากขึ้น  ชุดทรงนี้เป็นทรงที่เราเลือกใช้ในการถ่าย Pre wedding เพราะเราอยากให้ภาพออกมาเราผอมที่ซู้ดดดด แต่ว่าเราไม่ได้เลือกเป็นชุดในงานแต่งงานเพราะว่าดูแล้วถ้าถ่ายครึ่งตัวเวลาอยู่ในงาน (ซึ่งภาพงานเย็นก็จะมีแบบครึ่งตัวเยอะอยู่) จะดูเรียบเกินไป ก็เลยตกไปสำหรับชุดทรงนี้


...
,,,

3. ทรงสอบลงมาแล้วบานตรงปลาย + มีหางด้วย







ทรงนี้ถูกใจอิช้านมาก เนื่องจากเป็นอีกทรงที่เคยเห็นไอโซคนนึงใส่ชุดทรงนี้ในสีแดงเพลิงในงานแต่งงานของเพื่อน ดูดีจริงๆ ดูหรูหราอย่างมีรสนิยม แล้วเราก็คลั่งไคล้หางเมอร์เมดด้วย คือรู้สึกว่าอะไรที่ยาวลากพื้น ดูดีจังนะ ป๊อกก็บอกว่าชุดที่หางยาวจะต้องใช้ผ้าเยอะ แม้จะไม่ฟูฟ่องก็ตาม แต่การตัดผ้าจะต้องเสียผ้าเยอะมาก ในที่สุดเราก็ตัดสินใจว่า เราจะซื้อชุดแต่งงานทรงนี้แหละ




" My Wedding Dress "


หลังจากลองมาได้สามสี่ชุด จนเกือบจะตัดสินใจละ ป๊อกก็เหลือบไปเห็นชุดนี้ แล้วก็บอกว่าลูกไม้สวยมากเลยตัวนี้ เราเองไม่ได้มองเลย แต่พอพนักงานหยิบให้ดูก็รู้สึกว่าสวยดีจริง ที่เด่นคือลูกไม้ที่นูนสวย ถ่ายรูปยังไงก็เห็น แล้วก็มีปักเลื่อมด้วย หวังว่าเลื่อมจะเล่นไฟบ้างเวลาที่อยู่ในงานนะ


 บางชุดลูกไม้ทั้งตัวก็จริงแต่ไม่เด่นชัด ถ่ายมาไม่เห็น แต่ตัวนี้มันนูนได้ใจจริง แล้วก็ทรงด้วย พอใส่แล้วมันเป็นทรงที่เราชอบ คือสอบลงมาถึงประมาณเข่า จากนั้นก็บานตรงปลาย ด้านล่างข้างในมีสุ่มเล็กน้อย ส่วนด้านหลังหางเมอร์เมดค่อนข้างยาวเลยทีเดียว สมใจล้ะ

 

 
--- ที่ตรงนี้เคยแปะรูปไว้ แต่ remove ออกไปล้ะ เพราะว่ากลัวไม่เซอไพรส์วันจริง----